นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ยื่นฟ้อง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หากไม่เปลี่ยนแปลงคำสั่งให้ออกจากราชการ ว่า ถือเป็นการฟ้องส่วนตัว แต่ไม่ควรฟ้อง โดยยังมีช่องทางอื่นได้รับการเยียวยา ควรจะไปใช้ช่องทางปกติ ทั้งนี้ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ตัดสิน ฉะนั้นการที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า อนุ ก.ตร.ไม่เห็นด้วยกับคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็ต้องถูกส่งไป ก.พ.ค.ตร. เพื่อวินิจฉัยเร็ววันนี้
ควรรอคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร. เว้นแต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไปแก้ไขเยียวยาเอง ส่วนจะนานหรือไม่นั้น ก.พ.ค.ตร.ได้รับเรื่องไว้นานแล้ว ฉะนั้นเวลาน่าจะประมาณ 1 เดือน
ส่วน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะยึดความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาในการต่อสู้ และมีสิทธิจะชนะใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ได้ชี้ถูกชี้ผิด ยิ่งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ เป็นประธาน ยิ่งไม่ได้ชี้ถูกชี้ผิด และในวันที่ตนแถลงข่าวก็ไม่ได้ชี้ถูกชี้ผิด
สำหรับกรณีการยื่นฟ้อง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร. และคนอื่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นธรรมดาเหมือนคดีทั่วไป และถือเป็นเรื่องตัวบุคคล ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล องค์กร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่างไรก็ตามขอย้ำว่า เขาออกแบบไว้ให้ ก.พ.ค.ตร.เป็นผู้ตัดสินปัญหา ก็ต้องใช้ช่องทางนี้ หากผลตัดสินของ ก.พ.ค.ตร.ไม่เป็นที่พอใจ ก็ไปร้องศาลปกครองได้อีก