“สมศักดิ์” เห็นชอบตั้ง “ชาญเชาวน์” อดีตปลัดยุติธรรม จับมือหน่วยงานเกี่ยวข้องปราบบุหรี่ไฟฟ้า กวดขัน “ห้ามพกพา-สูบ” ในสถานที่ราชการ สนามบิน เร่งประสาน “ตำรวจไซเบอร์” ปิด 309 บัญชีขายออนไลน์ มอบ สสส.สื่อสารต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2567 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรองประธานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ คนที่ 1 กล่าวภายหลังการประชุมกรรมการกองทุนฯ ครั้งที่ 5/2567 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษารายละเอียดและจัดทำร่างข้อเสนอนโยบายบุหรี่ไฟฟ้า โดยมีนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน มีผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ร่วมเป็นคณะทำงาน ทำหน้าที่หนุนเสริมกลไกการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าผิดกฎหมาย ห้ามซื้อขาย นำเข้า ถือครอง และให้บริการอย่างเด็ดขาด โดยมีกฎหมายที่รองรับและควบคุมอย่างน้อย 4 ฉบับ อาทิ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560, พ.ร.บ.ส่งออกและนำเข้า ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี
“บุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายอย่างชัดเจน แต่ยังคงยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน อีกทั้งการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ยังไม่เข้มข้นเพียงพอ ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบให้คณะทำงานฯ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อคุมเข้ม เช่น ห้ามพกพาและสูบบุหรี่บุหรี่ไฟฟ้าในสถานที่ราชการทุกแห่ง, กระทรวงคมนาคม กวดขันพื้นที่โดยสารในสถานีหรือสนามบิน โดยไม่ให้ผู้โดยสารพกพาหรือสูบบุหรี่ไฟฟ้าบนเครื่องบิน, กระทรวงศึกษาธิการ ให้สารวัตรนักเรียนสอดส่องดูแลพื้นที่สถานศึกษา ไม่ให้นักเรียนพกพาหรือสูบบุหรี่ไฟฟ้า และพนักงานรักษาความปลอดภัยกวดขันพัสดุที่ส่งมาให้แก่นักเรียนในสถานศึกษา, กระทรวงมหาดไทย ให้เข้มงวดสถานประกอบการและสถานบริการ ไม่ให้มีผู้พกพาหรือสูบบุหรี่ไฟฟ้า, กระทรวงแรงงาน ที่มีแรงงานขึ้นทะเบียนกว่า 30 ล้านคน เพิ่มมาตรการเข้มงวดไม่ให้พกพาหรือสูบบุหรี่ในสถานประกอบการ, กระทรวงสาธารณสุข ที่มีคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ดำเนินการขับเคลื่อนผ่านกรรมการจังหวัดทุกจังหวัด และรายงานให้กระทรวงทราบทุก 3 เดือน” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นเห็นชอบให้หน่วยงานที่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมาย จัดทำบันทึกความร่วมมือบังคับใช้กฎหมายร่วมกัน หรือจัดตั้งคณะทำงานร่วมขับเคลื่อนเฉพาะกิจ นอกจากนั้นเห็นชอบให้ขอความร่วมมือกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ พิสูจน์ทราบผู้กระทำผิดและเริ่มปราบปรามผู้โฆษณาและค้าขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ โดยเฉพาะผู้ค้าจากระบบเฝ้าระวังที่พบจำนวน 309 บัญชีรายชื่อ กระจายอยู่ใน 23 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผู้ค้ารายใหม่ และให้ สสส.รณรงค์สร้างความเข้าใจบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มข้นต่อไป
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้มีมติเห็นชอบการดำเนินงานแผนงานพลังวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยไร้ยาสูบ ที่ทำงานร่วมกับ 23 องค์กรวิชาชีพ และสมาพันธ์จังหวัด 36 แห่ง ในการพัฒนาฐานข้อมูลด้านการควบคุมยาสูบ สำรวจพฤติกรรมทัศนคติและความรู้ด้านการบริโภคยาสูบของนิสิตนักศึกษาวิชาชีพสุขภาพในประเทศไทย การให้บริการคลินิกลอยฟ้า จัดตั้งคลินิกฟ้าใส 563 แห่ง และพัฒนาการให้บริการเลิกยาสูบในคลินิก NCDs โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และชุมชน กว่า 200 แห่ง การพัฒนาระบบบริการสุขภาพร่วมกับสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล ในประเด็นการป้องกัน รักษา และฟื้นฟูภาวะติดนิโคติน นอกจากนี้ ยังมีการขับเคลื่อนนโยบายที่สำคัญในการคงกฎหมายห้ามนำเข้า-ขายบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนไทย