เกิดเหตุระทึกขีปนาวุธลูกหนึ่งของรัสเซียพุ่งใส่เป้าหมายโครงสร้างพื้นฐานของเมืองโอเดสซา ในวันพุธ(6มี.ค.) ระหว่างที่ ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน และ คีเรียคอส มิตโซตาคิส นายกรัฐมนตรีกรีซ กำลังเดินทางเยือนเมืองท่าริมทะเลดำแห่งนี้ และทั้งคู่อยู่ใกล้กับเหตุการณ์ดังกล่าวมากพอ จนสามารถเห็นเหตุโจมตีครั้งนี้ด้วยตาของตนเอง
ก่อนหน้านี้กองทัพอากาศยูเครนแถลงว่ามีขีปนาวุธลูกหนึ่งคุกคามภูมิภาคดังกล่าวในตอนเช้าวันนี้ แต่ไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการ จนกระทั่งมีคำยืนยันผ่านการแถลงข่าว ตามหลังผู้นำทั้ง 2 เดินทางตรวจเยี่ยมเมืองท่าแห่งนี้เสร็จสิ้นแล้ว ในขณะที่โอเดสซา ยังเป็นแนวกันชนด้านมนุษยธรรมสำหรับการส่งออกทางทะเลด้วย
โฆษกกองทัพเรือยูเครนเปิดเผยว่าการโจมตีดังกล่าว สังหารผู้คนไป 5 ราย
กระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยว่ากองกำลังของพวกเขาโจมตีโรงเก็บโดรนแห่งหนึ่งของกองทัพเรือยูเครน บริเวณท่าเรือดังกล่าว พร้อมระบุว่าการโจมตี “ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย”
โครงสร้างพื้นฐานท่าเรือริมทะเลดำของยูเครน ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของรัสเซียอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยกระดับการโจมตีมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกรกฏาคมปีก่อน ครั้งที่มอสโกถอนตัวจากข้อตกลงที่มีสหประชาชาติเป็นคนกลาง โดยข้อตกลงดังกล่าวเป็นการเปิดทางให้เรือขนส่งธัญพืชยูเครนสัญจรเข้าออกอย่างปลอดภัย และให้เคียฟจัดตั้งแนวกันชนการส่งออกของตนเอง
รัสเซียได้ทำการโจมตีด้วยโดรนกว่า 880 ลำ และขีปนาวุธกว่า 170 ลูก เล่นงานโครงสร้างพื้นฐานของภูมิภาคโอเดสซา
ที่ผ่านมา กรีซ สมาชิกนาโต และพันธมิตรเก่าแก่ที่สนับสนุนการเสนอตัวเข้าร่วมนาโตและสหภาพยุโรปของยูเครน เคยเสนอมอบความช่วยเหลือทางทหารแก่เคียฟเช่นกัน และระหว่างการเดินทางเยือนในวัน
พุธ(6มี.ค.) มิติโซตาคิส ก็เน้นย้ำว่ากรีซจะเดินหน้าให้การสนับสนุนต่อไปและสะท้อนว่าทั่วโลกเสรีให้ความเคารพต่อประชาชนของคุณ และเน้นย้ำว่ากรีซยังคงมีพันธสัญญายืนหยัดอยู่เคียงข้างคุณ”
เป็นอีกครั้งที่ผู้นำยูเครนเน้นย้ำถึงความสำคัญของศักยภาพการป้องกันภัยทางอากาศ และบอกว่าหลายประเทศเริ่มดำเนินการในข้อตกลงความมั่นคงทวิภาคีแล้ว แบบเดียวกับที่เคียฟลงนามกับประเทศอื่นๆ
หารือกันเกี่ยวกับหนทางอื่นๆที่สามารถขยายขอบเขตด้านความมั่นคงในทะเลดำ แนวทางที่สามารถปกป้องประชาชนของ ทั้งทหารและพลเรือน ต้องการการป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติม”